หลายๆคนคงเคยได้รับคำแนะนำจากคุณหมอให้ผ่าฟันคุดออก ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นว่าฟันคุดอยู่ตรงไหน และไม่ได้มีผลกระทบอะไรต่อชีวิตประจำวัน แต่สำหรับบางคนส่งผลกระทบอย่างมาก เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับฟันคุด เราจะคลายข้อสงสัยเกี่ยวกับฟันคุดให้คะ
ฟันคุด คืออะไร
“ฟันคุด” คือ ฟันแท้ที่ไม่สามารถขึ้นมาได้ตามปกติ เป็นฟันที่ฝังตัวอยู่ใต้เนื้อเยื่อของเหงือก และบริเวณกระดูกขากรรไกร ฟันคุดจะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าหากตัวฟันไม่ได้โผล่พ้นขึ้นมาเหนือเหงือก จะต้องใช้การเอกซเรย์จึงจะสามารถเห็นได้
ลักษณะของฟันคุด?
ฟันคุดแบ่งได้ตามลักษณะการขึ้นของแนวฟันคุด ซึ่งมี 3 แบบ
1.ฟันคุดที่ขึ้นในเเนวตรง (Vertical impaction)
2.ฟันคุดที่ขึ้นในแนวนอน (Horizontal impaction)
3.ฟันคุดที่ขึ้นแนวเฉียง
หากไม่ผ่าฟันคุดออกจะเกิดอะไร?
ฟันคุดหรือฟันกรามซี่สุดท้าย จำเป็นต้องมีการถอน หรือผ่าออก โดยทันตแพทย์เฉพาะทางศัลยกรรมช่องปาก เพราะว่าอยู่ในลักษณะที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ตามปกติ หรือไม่ได้อยู่ในแนวที่เดียวกับฟัน ส่วนมากฟันคุดจะเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่นตอนปลาย หรือช่วงอายุยี่สิบต้นๆ หากปล่อยฟันคุดไว้จะมีความเสี่ยงต่อภาวะต่างๆ เช่น
- เมื่อฟันคุดงอกขึ้นมาในช่องปากเพียงบางส่วน เหงือกที่ปกคลุมฟันมักมีเศษอาหารไปติดใต้เหงือก ทำความสะอาดได้ยาก จนมีการอักเสบบวมแดง และติดเชื้อ เกิดเป็นหนอง จนเกิดการปวด หากการติดเชื้อลุกลามไปมากขึ้น อาจ เป็นอันตรายถึงชีวิตได้
- ฟันคุดที่ขึ้นมาในลักษณะเอียง จะทำให้มีเศษอาหารที่ติดระหว่างฟันคุดและฟันข้างเคียง ไม่สามารถทำความสะอาดได้ทั่วถึง เกิดเป็นกลิ่นปาก
- เกิดฟันผุที่ฟันกรามซี่ข้างเคียง
- สาเหตุของการเกิดโรคปริทันต์ (โรคเหงือก)
- เกิดถุงน้ำบริเวณขากรรไกร ซีสต์เนื้องอกรอบๆ ฟันคุด มีผลทำให้ฟันเคลื่อนที่ผิดตำแหน่งเดิม กระดูกรอบๆ เกิดการกร่อนละลาย เป็นอันตรายกับเหงือกและฟันใกล้เคียง จนถึงอาจขยายขนาดใหญ่จนใบหน้าผิดรูป มีปัญหาการสบฟันตามมาได้
- มีอาการปวดเรื้อรังหรือรู้สึกไม่สบาย เนื่องจากแรงดันของฟันคุด
- ฟันยื่น ฟันเก กระดูกรอบรากฟัน หรือรากฟันข้างเคียงถูกทำลาย จากแรงดันตัวของฟันคุดที่พยายามดันขึ้นมา
- ส่งผลต่อการจัดเรียงฟัน ทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับการจัดฟันได้ในตำแหน่งที่ไม่ดี หรือมีฟันหน้าซ้อนเก
- เกิดความผิดปกติของเนื้อเยื่อหุ้มฟัน
ฟันคุดเป็นฟันที่ควรต้องผ่าหรือถอนออก เพื่อป้องกันผลกระทบกับแนวฟันและฟันซี่ที่อยู่บริเวณใกล้เคียง รวมทั้งยังเป็นการป้องกันโรคเกี่ยวกับช่องปากอีกด้วย วิธีที่ดีที่สุดควรพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก ๆ 6 เดือน